ตอนที่ ๓ "บริหารจัดการเวลา" (กว่าจะเป็นนักเรียนเตรียมทหาร)

             สียงของนาฬิกาปลุกเริ่มทำหน้าที่ของมันอย่างซื่อสัตย์ในตอนเช้ามืด (ตี 4 ของทุกวัน) เสียงที่ดังกังวาลเป็นอะไรที่ทรมานใจมากๆ ความขี้เกียจมันก็มีกันทุกคน อยากนอนต่ออีกนิด ยังไม่อยากลุกจากที่นอนเลย ปฏิกิริยานี้เขาเรียกว่า "ถูกที่นอนดูด" มั่นใจว่าเป็นแบบนี้กันแทบทุกคนสำหรับมือใหม่หัดขับ เอ๊ย! หัดตื่น และมันจะเป็นการยากอย่างมากยามเมื่อลมหนาวมาเยือน  แต่ภาพที่พี่เห็นคุณพ่อและคุณแม่ตรากตรำทำงานเพื่อลูกชายทั้งสองคน ตลอดจนทุกคนในครอบครัว จึงเป็นแรงผลักให้พี่ต้องลุกจากที่นอน และลงมืออ่านหนังสือเพื่อทบทวนและแสวงหาความรู้ในวิชาต่างๆ ที่จะต้องนำไปใช้ในการสอบแข่งขัน โดยการอ่านสลับในแต่ละรายวิชา ฝึกทำข้อสอบเก่าของแต่ละเหล่าทัพ และเรียนรู้จากข้อบกพร่องและข้อผิดพลาดของตนเองจากการทำข้อสอบ

             กิจวัตรประจำวันของพี่ หลังจากกลับจากโรงเรียนถึงบ้านประมาณ 17.30 น. พี่ก็จะรีบออกกำลังกายอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง จากนั้นจะรีบมาอาบน้ำทานข้าว และทำการบ้านให้แล้วเสร็จก่อนสองทุ่ม เพื่อที่จะได้มีเวลาอ่านหนังสือในรายวิชาต่างๆ ตามตาราง โดยจัดเป็นวิชาละ 2 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็น ชั่วโมงแรกอ่านเนื้อหา ชั่วโมงที่สองทำข้อสอบเก่าปีย้อนหลังในรายวิชานั้นๆ พี่จะนั่งประจำที่โต๊ะเพื่ออ่านหนังสือ เริ่มตั้งแต่เวลา 20.00 น. (2 ทุ่ม) จนถึง 22.00 น. (4 ทุ่ม) แล้วเข้านอน ตื่นมาอ่านหนังสืออีกครั้งตอน 04.00 น. (ตีสี่บ้าง ตีห้าบ้าง สลับกันไป) อ่านหนังสือจนถึง 06.00 น. ภารกิจต่อจากนั้นคือ รีบอาบน้ำแต่งตัวและทานข้าวก่อนไปโรงเรียน นั่งรอรถนักเรียนประจำมารับที่หน้าบ้านตอน 06.30 น.




             ารใช้เวลาว่างขณะที่อยู่ในโรงเรียน ในช่วงพักกลางวันพี่มักจะเข้าไปห้องสมุด อ่านหนังสือบ้าง แอบงีบหลับเอาแรงบ้าง แต่พี่จะตั้งใจเรียนเมื่ออยู่ในห้องเรียน และจะรีบทำงานตามที่คุณครูสั่ง หรือทำการบ้านให้เสร็จที่โรงเรียนเลย พอกลับถึงบ้านจะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่น ต้องบริหารจัดการเวลา และจัดสรรเรื่องต่างๆ ที่จะทำของตนเองให้ดี สำคัญเลยคือต้องมีวินัย ตรงต่อเวลา อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ให้เข้มงวดกับตนเอง ต้องรู้ตัวว่า..ตอนนี้เราควรต้องทำอะไร เพราะสิ่งนี้เป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับชีวิตของคนที่จะประสบความสำเร็จ






              พี่ก็ยังคงเป็นเด็กผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่ง ย่อมมีทั้งอารมณ์ขยัน อารมณ์ขี้เกียจ เป็นธรรมดา แต่นึกถึงใบหน้าของคุณพ่อคุณแม่ก็ทำให้พี่ต้องเดินกลับเข้ามาสู่เส้นทางที่วาดฝันไว้ ไม่มีเวลาสำหรับความเหลวไหล เผลอไผลไปกับสิ่งยั่วยุ สิ่งล่อใจรอบข้างอีกต่อไป




              ถ้าตั้งใจทำ..ทำครั้งเดียว ถ้าไม่ตั้งใจทำ.. ต้องทำหลายครั้ง หรืออาจจะไม่มีโอกาสให้เราได้แก้ตัวอีกเลย คำสอนนี้ยังดังก้องอยู่ในโสตประสาทของพี่ คอยย้ำเตือนให้มีความมุ่งมั่น ตั้งใจแน่วแน่ เพื่อตัวของเราเอง และคนที่เรารักและรักเรา อยากได้ดีมีอนาคต อยากเป็นคนเก่ง อยากมีชื่อเสียง อยากเป็นที่จดจำก็ต้องพยายามให้มากขึ้น

 
 
     

"มาร่วมวาดฝัน..ปั้นดินให้เป็นดาว" กับเรา..เดอะเบสท์ คะเด็ต